ฝุ่น PM2.5 คืออนุภาคขนาดเล็กที่สามารถเข้าสู่ทางเดินหายใจและปอดของเราได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดการระคายเคือง แสบจมูก ไอ จาม มีเสมหะ หอบหืด หัวใจวายเฉียบพลัน หลอดเลือดสมองตีบ และเป็นภาวะที่อันตรายที่สุดอาจเป็นมะเร็งปอด ดังนั้นเราควรป้องกันจากการออกกำลังกายกลางแจ้งในช่วงที่มีภาวะหมอกควันและฝุ่นสูง เพราะเมื่อเราใช้แรงมากหรือหายใจแรง อาจยิ่งเพิ่มการสูดเอาละอองฝุ่น PM2.5 เข้าสู่ทางเดินหายใจและปอดมากขึ้น
สวมหน้ากาก N95 อย่างถูกวิธี
หากต้องออกนอกบ้านในช่วงที่มีมลพิษฝุ่น PM2.5 สูง เราควรสวมหน้ากาก N95 อย่างถูกวิธี เพื่อป้องกันการสูดเอาละอองฝุ่น PM2.5 เข้าสู่ทางเดินหายใจและปอด หลีกเลี่ยงการนำหน้ากากใช้ใหม่หากมีฝุ่นละอองหนาเกินไป
ปรับลดค่ามาตรฐานฝุ่น PM2.5
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ปรับปรุงค่ามาตรฐานฝุ่น PM2.5 ในประเทศไทยให้มีปริมาณไม่เกิน 2.5 ไมครอนต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งเป็นการยกระดับความปลอดภัยของประชาชน สำหรับกรุงเทพฯ ปัจจุบันเข้าสู่เกณฑ์วิกฤติด้วยปริมาณเกือบ 100 ไมครอนต่อลูกบาศก์เมตร จึงควรระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อสุขภาพที่ดี
ผลกระทบของฝุ่น PM2.5
- สำหรับทางเดินหายใจและปอด: มลพิษในอากาศสามารถส่งผลโดยตรงกับระบบทางเดินหายใจและปอด หากสูดเอาละอองฝุ่นขนาดเล็กเข้าสู่ร่างกายโดยตรง อาจทำให้เกิดการหอบหืดหรือเป็นสาเหตุให้คนปกติเป็นหอบหืดได้
- สำหรับหัวใจ: การสูดหายใจเอาฝุ่นละอองพิษเข้าสู่ร่างกายโดยตรงส่งผลให้เกิดการตะกอนภายในหลอดเลือด จนทำให้เกิดหัวใจวายหรือหลอดเลือดสมองตีบได้
- สำหรับสมอง: ฝุ่นผงขนาดเล็กสามารถผ่านเข้าสู่กระแสเลือดและเกิดการสะสมขึ้น ส่งผลให้เกิดลิ่มเลือดในสมอง หรือแตก ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคอัมพฤกษ์อัมพาตและเสียชีวิตได้
คำแนะนำในการป้องกันฝุ่น PM2.5
- สวมหน้ากาก N95 อย่างถูกวิธีเมื่อต้องออกจากบ้าน
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมนอกบ้านในช่วงที่มีฝุ่นสูง
- อยู่ภายในอาคารที่ปิดมิดชิดและใช้เครื่องปรับอากาศหรือปิดหน้าต่างในช่วงที่มีมลพิษสูง
- งดสูบบุหรี่และการสูดกลิ่นควัน
- สังเกตอาการและรักษาตนเอง
ฝุ่น PM2.5 เป็นภัยร้ายต่อสุขภาพของเราที่ควรระมัดระวัง การป้องกันและรักษาอาจช่วยลดความเสี่ยงให้เกิดโรคต่างๆ และสร้างสภาวะสุขภาพที่ดีให้แก่ตนเองและคนที่เรารัก