โรคหัด
- สาเหตุ และอาการ
เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสหัด พบบ่อนในเด็กช่วงอายุ ๑-๖ ปี ติดต่อกันได้ง่ายจากการไอ จามรดกันโดยตรง หรือกจากการหายใจเอาละออกเสมหะ น้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วยที่ลอยอยู่ในอากาศเข้าไป โรคหัดมักเกิดจากการระบาดในช่วงปลายฤดูหนาวต่อกับฤดูร้อน
โรคหัดมีระยะหักตัวอระมาณ ๘-๑๒ วัน หลังจากนั้นจะมีไข้ น้ำมูกไหล ไอ ตาแดง อาการต่าง ๆ เหล่านี้จะรุนแรงมากขึ้น ผื้นจะขึ้นประมาณวันที่ ๔ นับตั้งแต่เริ่มมีไข้ ซึ่งไข้จะลดลงเมื่อผื่นกระจายไปทั่วตัว และจางหายภายในระยะวเลาประมาณ ๑๔ วัน ผู้ป่วยโรคหัดอาจมีโรคแทรกซ้อน ได้แก่ ปอดอักเสบ อุจาระร่วง ช่องหูอักเสบ สมองอักเสบและภาวะทุพโภชนาการ โดยเฉพาะในเด็กที่มีภาวะทุพโภชนาการ หรือขาดวิตามินเอ เมื่อเป็นหัดจะมีความรุนแรงมาก และถ้ามีปอดอักเสบร่วมด้วย อาจทำให้เสียชีวิตได้
ข. การป้องกัน และรักษา
๑. เมื่อสงสัยว่าเป็นหัด ควรให้แพทย์ตรวจเพื่อการวินิจฉัย และรักษาที่ถูกต้อง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการรักษาตามอาการ และให้ยาที่เหมาะสมเมื่อมีโรคแทรกซ้อน
๒. ให้ผู้ป่วยนอนพัก เช็ดตัวในช่วงที่มีไข้สูงและให้อาหารอ่อนที่มีคุณค่า
๓. แยกผู้ป่วยออกจากเด็กอื่น ๆ จนถึงระยะ ๔-๕ วัน หลังผื่นขึ้น
๔. ระวังโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ เพราะระยะที่เป็นหัด เด็กจะมีความต้านทานโรคบางอย่างลดลง โดยเฉพาะวัณโรค ดังนั้นจึงต้องระวังการติดเชื้อจากผู้ใหญ่
๕. หลายคนเชื่อว่าเด็กต้องออกหัดทุกคน ซึ่งเป็นความจริง เพราะโรคหัดเป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน โดยรับวัคซีนหัด หัดเยอรมัน คางทูม ๒ ครั้ง ครั้งที่ ๑อายุระหว่าง ๙-๑๒ เดือน และครั้งที่ ๒ ในเด็กนักเรียนชั้นประถมปีที่ ๑ อายุ ๖-๗ ปี
อ้างอิง ประกาศกรมควบคุมโรค เรื่อง การป้องกันโรคที่เกิดในฤดูหนาว