คุณเคยรู้สึกปวดท้อง จุกเสียด หรือแสบร้อนบริเวณกระเพาะอาหารหลังจากวันทำงานที่เครียดหรือไม่? หากใช่ คุณอาจกำลังเผชิญกับภาวะ “เครียดลงกระเพาะ” โรคยอดฮิตที่พบบ่อยในคนทำงาน บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับโรคนี้อย่างละเอียด

โรคกระเพาะคืออะไร?

โรคกระเพาะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก:

  1. กลุ่มที่มีแผลในกระเพาะอาหาร
  2. กลุ่มที่ไม่มีแผลในกระเพาะอาหาร

ภาวะเครียดลงกระเพาะส่วนใหญ่จัดอยู่ในกลุ่มที่ไม่มีแผลในกระเพาะอาหาร

อาการของภาวะเครียดลงกระเพาะ

อาการที่พบบ่อยได้แก่:

  • ปวดท้องบริเวณลิ้นปี่
  • รู้สึกจุกเสียด
  • แน่นท้อง
  • แสบร้อนบริเวณกระเพาะอาหาร

อาการมักเกิดขึ้นหลังรับประทานอาหาร แต่ก็สามารถเกิดขึ้นระหว่างมื้ออาหารได้เช่นกัน ส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรงและเป็นๆ หายๆ มีเพียงส่วนน้อยที่มีอาการรุนแรง

หมายเหตุ: อาการผิดปกติอื่นๆ เช่น ถ่ายอุจจาระผิดปกติหรือแสบร้อนที่ยอดอก อาจเป็นผลจากโรคร่วมอื่นๆ เช่น โรคลำไส้แปรปรวนหรือโรคกรดไหลย้อน

การรักษาภาวะเครียดลงกระเพาะ

หากได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคนี้ แพทย์มักจะแนะนำให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร ดังนี้:

  1. รับประทานอาหารให้ตรงเวลา: ควรรับประทานอาหารเวลาเดิมทุกวัน
  2. เลือกชนิดของอาหาร:
  • หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด เพราะอาจทำให้เกิดอาการแสบหรือปวดท้อง
  • ลดการรับประทานอาหารมัน เพราะอาจทำให้เกิดอาการจุกแน่นท้อง
  1. หลีกเลี่ยงยาบางชนิด: เช่น ยาแก้ปวดกลุ่มแอสไพรินและกลุ่ม NSAIDs

นอกจากนี้ การดูแลสุขภาพทั่วไปก็มีความสำคัญ:

  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  • พักผ่อนให้เพียงพอ
  • จัดการความเครียด

หากปฏิบัติตามคำแนะนำเบื้องต้นแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น ควรพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมและรับการรักษาที่เหมาะสม

การพยากรณ์โรค

ผลการรักษาในผู้ป่วยโรคกระเพาะมีดังนี้:

  • 50% ของผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น
  • 30% ของผู้ป่วยมีอาการเป็นๆ หายๆ
  • 20% ของผู้ป่วยมีอาการต่อเนื่อง

สัญญาณอันตรายที่ควรระวัง

หากคุณพบอาการต่อไปนี้ ควรพบแพทย์โดยด่วน:

  • น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • รับประทานอาหารได้น้อยลงหรืออิ่มเร็วผิดปกติ
  • ถ่ายอุจจาระเป็นสีดำ
  • คลื่นไส้อาเจียนเรื้อรัง

อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของภาวะแทรกซ้อนหรือโรคอื่นๆ ที่ร้ายแรงกว่า

สรุป

ภาวะเครียดลงกระเพาะเป็นปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยในคนทำงาน แม้จะไม่ร้ายแรงในหลายกรณี แต่ก็สามารถส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตได้ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร การจัดการความเครียด และการดูแลสุขภาพโดยรวมสามารถช่วยบรรเทาอาการได้ อย่างไรก็ตาม หากมีอาการรุนแรงหรือผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม

แหล่งข้อมูล: คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

Shares: